[ใหม่] หนังสือขอความช่วยเหลือ ความเป็นธรรม ดิฉันไม่รู้กฏหมายจึงถูกโกงไม่มีบ้านอยู่
ดิฉันมีความทุกข์มาก ไม่รู้ว่าจะพึ่งใครได้ ดิฉันหมดเนื้อหมดตัว ไม่เหลืออะไร บ้านที่ดินถูกโกงไปไม่รู้จะไปอยู่ใหน คือ ดิฉันถูกคนโกง เพราะไม่ค่อยรู้หนังสือ จบแค่ ป.4 ไปแจ้งความ ตำรวจ ก็ไม่รับแจ้งความหาว่าดิฉันไม่เข้าใจกฏหมาย โอนที่ให้เขาแล้วจะมาแจ้งทำไม
ไปหาอัยการ ก็ คิดว่าจะช่วยได้ กลับ ยิ่งปัญหามากขึ้น
ดิฉันไปหาสมัชชาคนจนที่โคราช ก็ไม่มีใครช่วยได้
ดิฉันส่งจดหมายไปหา ท่านนายกยิ่งรัก ตู้ปณ. 1111 เดือน กย. 2554 เงียบหายไปเลย
และส่งไปไทยพีบีเอส ในช่วงเดียวกันก็เงียบ
คนที่ซื้อที่ดินดิฉันไป เค้าใหญ่โตมาก เป็นเจ้าของธุรกิจโรงน้ำแข็งที่ใหญ่มากมีสาขาเกือบทุกจังหวัดทุกอำเภอในภาคอิสานทั้งธุรกิจรถทัวร์ ธุรกิจปูนคอนกรีตผสมเสร็จ
(ข้อความทั้งหมด ผมเขียนมาโพสต์ตามคำกล่าวของคุณแม่หนุ่ย เผื่อจะมีใครช่วยท่านได้บ้าง เพราะคนอธรรมจะเป็นเหมือนแกลบที่ลมพัดกระจายไป ...)
ดิฉันชื่อ นางหนุ่ย บุญยืน อายุ 61 ปี ความรู้ ป.4 บ้านเลขที่ 150 ม.13 ต.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เมื่อประมาณปี พศ. 2550 ข้าพเจ้าได้จำนองบ้านพร้อมที่ดิน ฉโนดเลขที่ 20959 ไว้กับ ธกส.ประมาณหนึ่งแสนหกหมื่นบาท(รวมดอกเบี้ยค้างส่ง) และต่อมา สามีดิฉันป่วยหนัก ไปขอกู้เพิ่ม ทาง ธกส.ไม่ให้กู้ และนางสำราญ ถึงสุข ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 87/1 หมู่ 11 ต.หนองบัว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ บอกว่าลูกชายของเขา นายสายชน ถึงสุข ซึ่งอยู่กับเขาสามารถช่วยข้าพเจ้าได้ โดยเขาจะไถ่บ้านของข้าพเจ้าออกจาก ธกส. แล้วให้ดิฉันไปโอนให้เขา เขาจะเอาไปกู้ ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งอยู่ในอ.เมืองจ.สุรินทร์ เมื่อกู้แล้วจะเอาเงินมาแบ่งให้เพื่อใช้รักษาสามีที่ป่วยอยู่ ดิฉันรู้สึกดีใจและมีความหวังมาก ที่มีผู้ใจดีจะมาช่วยดิฉัน ซึ่งเขาบอกว่าให้โอนโดยเสน่หา ดิฉันคิดว่าโอนด้วยเสน่หาคงจะเป็นวิธีที่ดีเพื่อจะใช้แก้ปัญหาที่ดิฉันเจออยู่ จึงได้โอนที่ดินให้เขาเมื่อวันที่ 20 พย. 2551 โดยโอนเฉพาะที่ดินไม่รวมบ้าน (ซึ่งเขาบอกว่าเมื่อผ่อนหมดก็จะได้ที่ดินคืนก็จะโอนคืนมาให้) หลังจากที่เขากู้เงินได้แล้ว เขาก็หายไปจนสามีดิฉัน(นายปล้อง บุญยืน)ได้เสียชีวิต เมื่อ มค. 2552 เขาก็ไม่มาช่วยดิฉันเลย และดิฉันไม่มีใครที่พอจะช่วยได้ เมื่อมีปัญหาบ้านถูกยึดดิฉันได้ติดต่อไปหานายสายชน เขาไม่ช่วยแล้วยังมาตะคอกไส่ดิฉัน ต่อมาประมาณเดือนกรกฏาคม 2554 ดิฉันได้ไปหา ท่านรองอัยการจังหวัดรัตนะบุรี ที่ อ.รัตนะบุรี ท่านได้นัดไปไกล่เกลี่ย วันที่ 31 สิงหาคม 2554 เวลาประมาณ 14.30น. ดิฉันจึงได้ทราบรายละเอียดว่า บ้านดังกล่าว ถูกขายทอดตลาดให้กับผู้ที่ประมูลได้คือนาง สุณิตา เรียงไธสง อยู่บ้านเลขที่ 157 ม. 12 ต.รัตนะบุรี อ.รัตนะบุรี จ.สุรินทร์ ประมูลได้และได้ซื้อขายเมื่อวันที่ 21 ธค. 2553 และ มีการโอนที่ดินดังกล่าว โดยอ้าง คำสั่งบังคับคดีตามหมายเลขคดีแดงที่ ผบ190/2553 เมื่อ 8 กย. 2553 โดย มีมูลค่าขายรวมค่าธรรมเนียมต่างๆ 820,000 บาท โดยข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่าบ้านของข้าพเจ้า ได้ขายทอดไปแล้ว ถ้าทราบคงจะไปคัดค้าน
ผลการไกล่เกลี่ย1 : ได้มี นส.ณัชวรรณ หมายมั่น(ทนายก้อย) ซึ่งเป็นทนายของนาง วิภา สุขสวัสดิ์รัตนา ซึ่งเป็นผู้ที่ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวต่อจากนาง สุณิตา เรียงไธสง ที่ประมูลได้ โดยทนายก้อยกล่าวว่า นาง วิภา สุขสวัสดิ์รัตนา ยินดีขายให้ในราคาหนึ่งล้านเจ็ดแสนบาท และนัดอีกครั้งในวันที่ 20 กันยายน 2554 เวลา 13.30 น. (ซึ่งนางสุณิตากับนางวิภาเป็นญาติพี่น้องกัน)
ผลการไกล่เกลี่ย2 : วันที่ 20 กันยายน 2554 ดิฉันไปรอถึง 15.00 น.จึงทราบว่า นาง วิภา สุขสวัสดิ์รัตนา ไม่ว่างมาจึงได้ เลื่อนเป็น วันที่ 21 กย. 2554 และมีผู้ที่มาไกล่เกลี่ยคือ นาย สุธี สุขสวัสดิ์รัตนา(อดีต หัวหน้ากรมที่ดิน อ.ท่าตูม) เป็นคนมาคุยซึ่งบอกว่าจะขาย หนึ่งล้านเก้าแสนบาทถ้วน และดิฉันก็ได้เซ็นในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว (คือให้หาเงิน 1.9ล้านมาจ่ายใน3เดือนไม่จ่ายต้องออกจากบ้านหลังดังกล่าว และถ้าออกแล้วก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใหน)
0801058133